บทความ
เรื่อง เพศศึกษา คืออะไร
ตามคำจำกัดความ
(ซึ่งค่อนข้างยาวและยาก) เพศศึกษา คือ
กระบวนการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ตั้งแต่เกิดจนตาย
เป็นกรรมวิธีที่จะให้บุคคลได้เรียนรู้ธรรมชาติ
ความเป็นจริงของชีวิตและสังคมเพื่อให้บุคคลมีความรู้ ทัศนคติ และพฤติกรรมที่ถูกต้องในเรื่องเพศ
ตลอดจนสามารถปรับตัวตามพัฒนาการชีวิตได้อย่างเหมาะสม
ทำไมต้องสอน ?
เรื่องเพศเป็นความจำเป็นที่จะต้องได้ทราบภายในขอบเขต
เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของคนทุกคน โดยเฉพาะความเจริญทางจิตใจนั้น
จะควบคู่กันไปกับความเจริญทางเพศ
ความรู้สึกในเรื่องเพศย่อมมีอิทธิพลอย่างมากมายต่อสภาพของจิตใจและเป็นที่ยอมรับว่าความแตกต่างเกี่ยวกับบุคลิกลักษณะย่อมจะมาจากสาเหตุอันหนึ่งคือ
แรงผลักทางเพศ
ดังนั้นการศึกษาเรื่องเพศและเรื่องจิตใจจำเป็นจะต้องดำเนินควบคู่กันตลอดไป
ใครควรเป็นผู้สอน ?
แน่นอนทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเด็ก
ครูคนแรกของเด็ก คือ พ่อ แม่
ต่อมาคือหมอเด็ก และเมื่อถึงวัยเรียนก็คือครู
แท้ที่จริงแล้วเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น เด็กวัยรุ่นเรียนรู้จากเพื่อน และสื่อต่าง ๆ
เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นหากเขาได้รับการปลูกฝังให้รู้จักบทบาทและคุณค่าทางเพศที่เหมาะสมมาตั้งแต่เด็ก ร่วมกับการมีความนับถือตนเอง (Self-esteem) และทักษะชีวิต
สิ่งเหล่านี้จะเป็นภูมิคุ้มกันให้เขาได้เป็นอย่างดีในช่วงวัยรุ่น
ให้เขาสามารถแยกแยะได้ว่าความรู้ สื่อและสิ่งยั่วยุจากภายนอก
สิ่งใดเหมาะสมและสิ่งใดไม่เหมาะสมได้ในระดับหนึ่ง
สอนอย่างไร ?
ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้สอน
ถ้าเป็นพ่อแม่ ก็ให้สอนโดยการเป็นแบบอย่างที่ดี สอนง่าย ๆ
โดยสอดแทรกเข้าไปในชีวิตความเป็นอยู่ประจำวัน
มิใช่เรียกลูกมานั่งฟังบอกว่าวันนี้จะเลกเชอร์เรื่องเพศศึกษา สำหรับหมอเด็ก บทบาทในเรื่องนี้อาจจะน้อยเกินไป
มักจะเน้นไปในเรื่องการเลี้ยงดูสุขอนามัยชาย หญิง
และการป้องกันพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนทางเพศ ในช่วง 5 ปีแรก ในคลินิกตรวจสุขภาพเด็ก
แต่หลังจากนั้นเรื่องเพศศึกษาดูเหมือนจะค่อย ๆ เลือนหายไป สำหรับครู มีหลักสูตรการสอนในโรงเรียนแต่ก็มักจะขึ้นกับความถนัดของครูว่าจะเน้นหรือไม่
โดยทั่วไปจะสอนเฉพาะสรีระทางชีววิทยาว่าชาย หญิง เป็นอย่างไร
ยังขาดการสอดแทรกเรื่องของบทบาทคุณค่าและค่านิยมทางเพศต่อสังคมและวัฒนธรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นใครสอนก็ตาม
จะต้องสอนให้เหมาะสมกับพัฒนาการและวัยของเด็ก
สอนอะไร ?
แนวคิดหลักในการพัฒนาการเรียนรู้เรื่อง
“เพศศึกษา” ตามหลักสูตรใหม่ของกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุข
มี 7 ด้าน คือ
1. พัฒนาการทางเพศ (Human sexual
development) หมายถึง
ความรู้ความเข้าใจเรื่องเจริญเติบโตและพัฒนาการทางเพศตามวัย ทั้งทางร่างกาย
จิตใจ อารมณ์ และสังคม
2. สุขอนามัยทางเพศ (Sexual health) หมายถึง ความรู้ความเข้าใจและสามารถดูแลสุขภาพอนามัยทางเพศได้ตามวัย เช่น
การดูแลรักษาอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ อนามัยการเจริญพันธุ์ ความเข้าใจต่าง ๆ
ในเรื่องเพศ
3. พฤติกรรมทางเพศ (Sexual behavior) หมายถึง การแสดงออก
ถึงพฤติกรรมทางเพศที่เหมาะสมกับเพศและวัย
4. สัมพันธภาพ (Interpersonal
relation) หมายถึง การสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลในสังคม
การสร้างและรักษาสัมพันธภาพกับเพื่อนเพศเดียวกัน และต่างเพศ การเลือกคู่
การเตรียมตัวก่อนสมรส และการสร้างครอบครัว
5.ทักษะส่วนบุคคล (Personal and
communication skills) หมายถึง
ความสามารถในการจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ เช่น ทักษะการสื่อสาร
ทักษะการปฏิเสธ ทักษะการขอความช่วยเหลือ ทักษะการจัดการกับอารมณ์
ทักษะการตัดสินใจและแก้ปัญหาที่เกี่ยวกับเรื่องเพศ
6. สังคมและวัฒนธรรม (Society and culture)
หมายถึง
ค่านิยมในเรื่องเพศที่เหมาะสมสอดคล้องกับสังคมและวัฒนธรรมไทย
และการปรับตัวต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม โดยเฉพาะจากสื่อที่ยั่วยุต่างๆ
7.
บทบาททางเพศ (Gender
role) หมายถึง การสร้างเอกลักษณ์ทางเพศที่เหมาะสม ความเสมอภาคทางเพศ
และบทบาททางเพศที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในสังคมอย่างสมดุล.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น